1. โรคทางเดินหายใจ: ในช่วงฤดูฝน สภาพอากาศที่ชื้นแฉะ อุณหภูมิที่เย็นสบาย และฝนที่ตกบ่อย ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่าย ส่งผลให้ผู้คนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจได้บ่อยขึ้น
โรคทางเดินหายใจที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน
- ไข้หวัด: เป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุดในทุกกลุ่มวัย เกิดจากการติดเชื้อไวรัส rhinovirus, coronavirus และ RSV มักมีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ บางรายอาจมีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ไข้หวัดใหญ่: เกิดจากการติดเชื้อไวรัส influenza A และ B มักมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป แต่มีความรุนแรงมากกว่า มีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย บางรายอาจมีอาการไอ หายใจลำบาก
- คออักเสบ: เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่ลำคอ มักมีอาการเจ็บคอ ปวดเมื่อกลืน ไอ บางรายอาจมีไข้
- หลอดลมอักเสบ: เกิดจากการติดเชื้อที่หลอดลม มักมีอาการไอ เสมหะข้นเหนียว หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด
- ปอดอักเสบ: เกิดจากการติดเชื้อที่ปอด มักมีอาการไอ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด เจ็บหน้าอก มีไข้สูง
สถิติ
- ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในช่วงปี 2562 มีผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 296,890 ราย เสียชีวิต 17 ราย
- ข้อมูลจากโรงพยาบาลมหาราช พบว่า ในช่วงฤดูฝนปี 2563 มีผู้ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบเพิ่มขึ้น 20%
2. โรคภูมิแพ้: เป็นภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อสารกระตุ้นที่ปกติแล้วไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป มักพบในช่วงฤดูฝน เนื่องจากสภาพอากาศที่ชื้นแฉะ อุณหภูมิที่เย็นสบาย และฝนที่ตกบ่อย ส่งผลให้เชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่าย
สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน
- ไรฝุ่น: พบในฝุ่นละอองตามบ้าน บนที่นอน หมอน ผ้าห่ม
- เชื้อรา: เจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ใต้หลังคา
- เกสรดอกไม้: โดยเฉพาะดอกหญ้า วัชพืช
- สัตว์เลี้ยง: ขนสัตว์ น้ำลาย
- ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5): มักปะปนมากับควันพิษ
อาการของโรคภูมิแพ้
- อาการทางระบบทางเดินหายใจ: จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด
- อาการทางตา: ตาแดง คันตา น้ำตาไหล
- อาการทางผิวหนัง: ผื่นแดง คัน
- อาการอื่นๆ: ปวดหัว อ่อนเพลีย
สถิติ
- ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประชากรไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณ 20%
- ข้อมูลจากโรงพยาบาลมหาราช พบว่า ในช่วงฤดูฝนปี 2563 ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มาพบแพทย์เพิ่มขึ้น 30%
3. โรคผิวหนัง: สภาพอากาศที่ชื้นแฉะ อุณหภูมิที่เย็นสบาย และฝนที่ตกบ่อยในช่วงฤดูฝน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อผิวหนัง ทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ง่ายขึ้น
โรคผิวหนังที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน
- กลาก: เกิดจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นวงกลม ขอบเขตชัดเจน มีขุย คัน พบได้บ่อยบริเวณที่มีเหงื่อออกอับชื้น เช่น รักแร้ ขาหนีบ
- เกลื้อน:เกิดจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นวงกลมสีขาว ขอบเขตชัดเจน มีขุยละเอียด พบได้บ่อยบริเวณลำตัว
เกลื้อน (Pityriasis versicolor) - น้ำกัดเท้า:เกิดจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน ลอกเป็นขุย แตก มีตุ่มน้ำใสๆ พบได้บ่อยบริเวณง่าเท้า ซอกนิ้วเท้า
น้ำกัดเท้า (Athlete’s foot) - ผื่นผิวหนังอักเสบจากแมลงกัด: เกิดจากการแพ้พิษแมลง มักมีลักษณะเป็นตุ่มแดง บวม คัน
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง: เกิดจากการแพ้สารต่างๆ เช่น เหงื่อ ฝุ่นละออง ไรฝุ่น มักมีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน แห้งลอก
สถิติ
- ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า โรคผิวหนังเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
- ข้อมูลจากโรงพยาบาลมหาราช พบว่า ในช่วงฤดูฝนปี 2563 ผู้ป่วยโรคผิวหนังมาพบแพทย์เพิ่มขึ้น 25%
4. กลุ่มอาการป่วยจากอาคาร (Sick Building Syndrome): เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในอาคารเป็นเวลานาน โดยไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน มักเกิดขึ้นในอาคารที่มีระบบระบายอากาศไม่ดี ความชื้นสูง อุณหภูมิไม่เหมาะสม หรือมีมลพิษทางอากาศภายในอาคาร
อาการของ SBS
- ปวดศีรษะ
- คันตา
- ระคายเคืองตา
- น้ำมูกไหล
- ไอ
- คอแห้ง
- เวียนหัว
- อ่อนเพลีย
- คลื่นไส้
- เบื่ออาหาร
- ระคายเคืองผิวหนัง
- หายใจลำบาก
- หายใจมีเสียงหวีด
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ SBS ในช่วงฤดูฝน
- ความชื้น: ในช่วงฤดูฝน อากาศจะมีความชื้นสูง ส่งผลให้อาคารมีเชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย
- การระบายอากาศ: ฝนตกหนักอาจทำให้ท่อระบายอากาศอุดตัน ส่งผลให้อากาศภายในอาคารถ่ายเทไม่สะดวก
- มลพิษทางอากาศ: ฝุ่นละออง PM2.5 และมลพิษทางอากาศอื่นๆ อาจปะปนมากับฝน
สถิติ
- ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าจำนวนผู้ป่วย SBS เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน
- ข้อมูลจากโรงพยาบาลมหาราช พบว่า ในช่วงฤดูฝนปี 2563 ผู้ป่วย SBS มาพบแพทย์เพิ่มขึ้น 20%
วิธีป้องกันโรคหวัดง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ปรับสภาพแวดล้อม
- เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท: อย่างน้อย 15 นาที เช้า-เย็น ช่วยให้อากาศในบ้านหมุนเวียน ลดการสะสมของเชื้อโรค
- ทำความสะอาดแอร์: ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ ช่วยให้แอร์ทำงานสะอาด กรองฝุ่นละอองและเชื้อโรค
- ควบคุมอุณหภูมิ: ตั้งแอร์ให้อุณหภูมิไม่เย็นจนเกินไป 24-26 องศา อุณหภูมิที่เย็นจัดทำให้ร่างกายสูญเสียความชื้น ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- เพิ่มความชื้น: วางถาดน้ำ หรือเครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง อากาศที่แห้งทำให้ระบบทางเดินหายใจระคายเคือง เพิ่มโอกาสติดเชื้อหวัด
ดูแลสุขภาพ
- ดื่มน้ำเยอะๆ: น้ำช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น ระบบต่างๆ ทำงานดี
- ทานอาหารครบ 5 หมู่: ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ออกกำลังกาย: ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทาน
- นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ: ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
หมายเหตุ:
- การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี
- เมื่อป่วยเป็นหวัด ควรหยุดพัก ทานยา พักผ่อนให้เพียงพอ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไอหรือจาม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
ด้วยวิธีง่ายๆ เหล่านี้ คุณก็สามารถดูแลสุขภาพ ป้องกันโรคหวัด และมีสุขภาพที่ดีได้